มรรค คือศีล สมาธิ ปัญญา
- วัดป่าชัยรังสี

- 6 พ.ย. 2566
- ยาว 1 นาที
งานกรรมฐานเป็นงานฝึกจิตใจ เบื้องต้นก็ฝึกจิตใจให้มันอยู่กับเนื้อกับตัว ให้มันสงบ ให้มันตั้งมั่น ถัดจากนั้นก็ฝึกให้จิตใจมันเรียนรู้ความจริงของโลก ของกายของใจ สิ่งที่เรียกว่าโลกก็คือรูปนามนั่นเอง ให้จิตมันเรียนรู้ความจริงของรูปนามกายใจ สุดท้ายมันปล่อยวาง พอปล่อยวางแล้วมันก็ไม่ทุกข์ โลกมันทุกข์ แต่จิตมันไม่ทุกข์ ฉะนั้นจุดหมายปลายทางนั้น เราภาวนาไป วันหนึ่งเราพ้นทุกข์ แล้ววันที่ขันธ์มันแตก รูปนามมันดับ นั่นก็คือดับทุกข์
ตรงที่เราภาวนา จิตมันหลุดพ้นแล้ว มันยังมี 2 อัน 2 ลักษณะ อันหนึ่งมันพ้นแต่ว่ามันมีขันธ์ รูปนามมันมีอยู่ จิตมันพ้นจากรูปนาม เรียกมันพ้นโลกเหมือนกัน อีกอันหนึ่งรูปนามมันดับ ฉะนั้นนิพพานมันมี 2 อัน ตรงที่ภาวนาจนแตกหัก อันแรกมันพ้นทุกข์ มันพ้นจากรูปนาม อันที่ 2 มันดับทุกข์ มันดับรูปนาม ที่จริงเราปฏิบัติ เราไม่ได้ดับรูปนาม รูปนามมันดับเพราะเหตุมันดับ รูปนามเราได้มาเพราะวิบาก กำลังของวิบากส่งผลมา เรามีกายอย่างนี้ มีจิตใจที่เราจะต้องกระทบอารมณ์ที่ดี อารมณ์ที่ไม่ดีอะไรนี้ เป็นผลของกรรม ถึงจะพ้นทุกข์แต่ขันธ์ยังเหลืออยู่ มีวิบากเหลืออยู่ เรียกว่าสอุปาทิเสสนิพพาน นิพพานที่ยังมีเศษเหลือ
วันที่ขันธ์มันหมดเชื้อแล้ว วิบากให้ผลมาเต็มที่ ขันธ์มันแตกดับไป เรียกมันดับทุกข์ เรียกอนุปาทิเสสนิพพาน นิพพานไม่มีอะไรเหลืออีก เหลือแต่ธรรม เหลือแต่ธรรมะ คือจิตกับธรรมนั้นมันรวมเป็นอันเดียวกัน มันไม่ได้สูญ นิพพานพ้นจากคำว่าอมตะ คำว่ามีอยู่ บรรลุพระนิพพานแล้วก็เป็นอมตะ หรือบรรลุพระนิพพานแล้วสูญ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถ้ายังคิดว่ามีรูปนามอยู่ มันก็ไม่ใช่นิพพาน ถ้าคิดว่ามันคือความสูญทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็เป็นมิจฉาทิฏฐิอีกสายหนึ่ง เรียกอุจเฉททิฏฐิ ดับหมดไม่มีอะไรเหลือ อันนี้วันหนึ่งพวกเราจะเข้าใจ จะเห็นด้วยตัวเอง แต่ก่อนที่เราจะไปเห็นจุดนั้นได้ ขั้นแรกเลยมาเรียนรู้รูปนามให้ถ่องแท้เสียก่อน ตัวรูปนามบอกแล้วว่าคือตัวทุกข์ มันเป็นตัวทุกข์



ความคิดเห็น